วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ปุ๋ยสูตรโยกหน้า โยกหลัง ของ ดร.รวี กับมะนาวนอกฤดู

“ปุ๋ยสูตรโยกหน้า” เช่น ปุ๋ยสำเร็จรูปสูตร 21-7-14 ก็ใช้ได้ ปุ๋ยสูตรโยกหน้าจะช่วยเพิ่มความแกร่งให้กับเนื้อไม้ ป้องกันการฉีก หัก ของกิ่ง-ต้นได้ การให้ปุ๋ยไม่ควรทิ้งระยะเกิน 1 เดือน/ครั้ง หากกรณีของสภาพดินที่เป็นดินทรายไม่ควรเกิน 15 วัน/ครั้ง หรืออาจใช้หลักการให้ปุ๋ยแบบ “ให้ทีละน้อย แต่ให้บ่อยๆ” ก็ได้ ขณะที่ “การจัดการศัตรูพืช” แนะนำให้ใช้ ระบบ 1-4-7 โดยเริ่มไปตั้งแต่ช่วงที่พืชมีการผลิ “ใบอ่อน” หรือ “ดอกอ่อน” หรือ “ผลอ่อน” ออกมาได้ขนาดประมาณ 2-3 มม. จังหวะนี้เองที่ ศัตรูพืชอาทิ “เพลี้ยไฟ” จะเริ่มเข้าทำลายรวมทั้ง “หนอนชอนใบ” ก็จะเข้ามาวางไข่ด้วย ให้นับเป็นวันที่ 1 ในการฉีดพ่นยาเพื่อป้องกันกำจัด เช่น อะบาเมกติน แล้วก็เว้นวันที่ 2 วันที่ 3 ไปวันที่ 4 ฉีดซ้ำอีกโดยใช้ยาตัวเดิม จากนั้นก็เว้นวันที่ 5 วันที่ 6 ไปวันที่ 7 ฉีดอีกโดยใช้ อิมิาโคลพริด , ฟิโปรนิล, คลอไพรีฟอสตัวใดตัวหนึ่ง หรือใช้  ไซเปอร์เมทริน เป็นการป้องกันหนอนชอนใบ เพื่อไม่ให้เกิดบาดแผล ซึ่งโรคแคงเกอร์จะเข้าทางบดแผลเท่านั้น ก็จะตัดวงจรของแมลงศัตรูพืชได้พอดี แต่หลังจากนี้ไปแล้วหากพบการระบาดอีกก็ฉีดพ่นยาเพื่อการกำจัดเป็นกรณีๆ ไป หรืออีกวิธีหนึ่งอย่าง



     รศ.ดร. รวี กล่าวว่า หลังจากมีการดูแลต้นมะนาวดังที่กล่าวมาแล้ว อายุต้น 6 เดือน และมีขนาดทรงพุ่มตั้งแต่ 1 เมตรขึ้นไป ก็สามารถที่จะเริ่มขั้นตอนการบังคับนอกฤดูเพื่อให้มีผลผลิตได้แล้ว ก็คือประมาณเดือนกรกฎา-สิงหาเริ่มทำการตัดปลายยอด จากนั้นเพื่อกระตุ้นให้สร้าง “ใบอ่อน” ขึ้นมาจะให้ปุ๋ยสูตรตัวหน้าสูงหรือ “สูตรโยกหน้า” เรื่อยไปจนถึงคลี่ใบสุด (ประมาณ 22-30 วัน) โดยในระหว่างนี้เพื่อป้องกันการแตกใบอ่อนชุดที่ 2 ขึ้นมาซ้ำซ้อน เพราะมะนาวที่จะบังคับให้ออกดอก-ติดผลได้ต้องมีอายุใบหรือยอดเกิน 90 วันเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าจะต้องพยายามรักษาใบอ่อนชุดแรกให้มีอายุถึง 90 วันให้ได้ ดังนั้นจึงมีการนำสาร “พาโคลบิวทราโซล” เข้ามาช่วยลดการเจริญเติบโตทางด้านกิ่ง, ใบ และยังเปิดโอกาสให้มีการออก “ดอก” เพิ่มมากขึ้น อัตราที่ใช้ 400 มิลลิกรัมต่อน้ำ 1 ลิตร ฉีดพ่นให้ชุ่มทั่วทั้งต้นหลังจากตัดยอดได้ 15 วัน นับเป็นการใช้สารครั้งที่ 1 แล้วใบอ่อนชุดแรกมีอายุเลย 30 วันไปแล้วจึงเปลี่ยนสูตรปุ๋ยที่ให้เป็นตัวท้าย (K) สูง หรือ “สูตรโยกหลัง” ซึ่งสัดส่วนที่ให้ก็คือ 1 :1 : 3 หรือ 2 :1 : 3 หรือ 3 : 1 : 4 เช่น สูตร 15-5-20 เพื่อช่วยบำรุงให้ออกดอก ในระหว่างนี้พอครบ 60 วันหลังจากที่ตัดยอดก็จะทำการพ่นสารซ้ำอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 2 อาจร่วมกับการงดน้ำด้วย ในกรณีโครงสร้างดินมีลักษณะเป็นทรายจะทำให้การบังคับด้วยการอดน้ำได้ผลดียิ่งขึ้น และจากการที่ปลูกระยะชิดซึ่งมีการควบคุมทรงพุ่มทำให้พุ่มต้นไม่ใหญ่มากตอบสนองต่อการชักนำให้ออกดอกได้ดีกว่าพุ่มต้นที่มีขนาดใหญ่ จากนั้นพอเลย 90 วันไปแล้ว (ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด) มะนาวจะเริ่มติดดอก-ออกผลต่อไป ต้องมีการดูแลให้น้ำ-ให้ปุ๋ยอย่างเพียงพอและคอยควบคุมศัตรูพืชอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะหลังดอกโรยหรืออายุผลมะนาวในช่วง 2 เดือนแรก จะมีความอ่อนแอต่อ “เพลี้ยไฟ” และ “แคงเกอร์” แต่ถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีปัญหา นอกจากนี้ช่วงมะนาวขยายลูกต้องดูแลเรื่องการให้น้ำอย่างเพียงพอ และสูตรปุ๋ยที่ให้ในช่วงนี้ก็จะเปลี่ยนเป็นสูตร “โยกหน้า” ไปจนกระทั่งถึงเก็บเกี่ยว ซึ่งหากเริ่มทำการบังคับตามรอบที่กล่าวมาจะทำให้มีมะนาวออกมาทันขายในช่วงกุมภา-มีนา-เมษา ได้พอดี


           อย่างไรก็ตาม รศ.ดร. รวี ยังได้กล่าวถึงสาเหตุของการทำมะนาวนอกฤดูแล้วไม่ประสบผลสำเร็จด้วยว่า เป็นเพราะส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจธรรมชาติของต้นมะนาวอย่างดีพอ อาทิ มะนาวจะไม่มีการออกดอกในกิ่งที่มีการติดผลอยู่ ดังนั้นการที่จะให้ต้นมะนาวออกดอกได้ดีตามต้องการจึงจำเป็นต้องกำจัดดอกและผลอ่อนที่ไม่ต้องการในฤดูกาลนั้นออกทิ้งไปเสียก่อน หรือ หลังจากมีการตัดแต่งกิ่งแล้ว ยอดหรือกิ่งมะนาวที่จะสร้างตาดอกได้ต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 90 วันขึ้นไป เป็นต้น โดยนอกจากนี้แล้วการจัดการอื่นๆ ที่จำเป็นต้องผสานร่วมกัน เช่น การจัดการน้ำ (การงดน้ำ), การใช้สารกลุ่มชะลอการเจริญเติบโตพืช (สารพาโคลบิวทราโซล), การปฏิบัติการจัดการทรงพุ่ม (พุ่มต้นที่เล็กกว่าสามารถชักนำการออกดอกเพื่อการผลิตนอกฤดูได้ดีกว่า), โครงสร้างดินที่มีลักษณะเป็นดินทรายมีการระบายน้ำที่ดีจะมีผลทำให้การชักนำการออกดอกได้ดีกว่า และการจัดการเรื่องปุ๋ยที่มีสัดส่วนของ N-P-K เหมาะสมกับการเจริญเติบโตพืชในแต่ละช่วง โอกาสของความสัมฤทธิ์ผลในการบังคับนอกฤดูย่อมสูงตามไปด้วย

ปัจุบัน ผู้เขียน มี หนังสือเสียง และ อีบุ๊ค สวนมะนาวเงินล้านจำหน่าย 
อยากได้ หนังสือ คู่มือ สวนมะนาว แนว How to ไหม
อยากทำกำไร จาก สวนมะนาวปีละ ล้านทำอย่างไร
พบ คำตอบ ใน ชุด หนังสือ คู่มือชาวสวนมะนาว ฉบับสมบูรณ์


ราคา 390 บาท เท่านั้น  โอนเงิน แล้ว แจ้งที่
โอนเงิน ธนาคารกรุงไทย ออมทรัพย์ ชื่อ ศุภรักษ์ ศุภเอม


เลขบัญชี 434 – 119 -3414

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น