วันจันทร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2561

การสร้างสวนมะนาวปลอดโรคแคงเกอร์

หากเราสามารถสร้างสวนมะนาวที่ไม่เป็นแคงเกอร์เลย ชีวิตจะง่ายขนาดไหน

ต่อไปนี้ คือ ขั้นตอน สร้างสวนมะนาวปลอดโรคแคงเกอร์




1 ใช้กิ่งพันธุ์มะนาวปลอดโรคแคงเกอร์  หากไม่แน่ใจให้ นำกิ่งพันธุ์ไปใช่ใน ซุปเปอร์ซี SuperC นาน 30 นาทีก่อน   โดยแช่ให้ท่วมกิ่งมะนาวทั้งหมด



การผสม ซุปเปอร์ซี SuperC 1 ซอง ต่อ น้ำ 20 ลิตร +น้ำยาล้างจาน 2 ช้อนชา




2 ต้องจุ่มรากมะนาวด้วยไตรโคเดอร์ม่า ก่อนปลูกทุกครั้ง  โดยเชื้อราไตรโคเดอร์ม่า นั้น จะสามรถช่วย สร้างภูมิคุ้มกันให้กับต้นมะนาว  ช่วยป้องกันโรครากเน่า ลดโรคแคงเกอร์ และเร่งการเจริญเติบโต
โดยเรา ต้องพ่น เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า ลงดิน ในสวนมะนาว ทุก ๆ 6 เดือน



3 พ่น คิลเลอร์บี KillerB  เพื่อป้องกันโรคแคงเกอร์ โรครากเน่า  และ เร่งการเจริญเติบโต ของมะนาวโดยพ่น คิลเลอร์บี ทุก 1-2 เดือน 



   คิลเลอร์บี KillerB 1 ซอง หมักกับ แลคตาซอย 500 มิลลิลิตร + น้ำตาล 2 ช้อนชา หมักไว้ 2 วัน ในภาชนะ ขนาด 5-20 ลิตร พอครบ 2 วัน เติมน้ำสะอาด ลงไป อีก 600 มิลลิลิตร หมักต่อ จนครบ 5 วัน การใช้งาน นำ    คิลเลอร์บี KillerB  ที่หมักแล้ว จำนวน 100 มิลลิลิตร  ต่อ น้ำสะอาด 20 ลิตร + น้ำยาล้างจาน 2 ช้อนชา 




4 ตัดแต่งกิ่งมะนาวให้แสงแดดผ่านได้ดี  ไม่แน่นทึบ อับชื้น  เพราะใบ กิ่ง ที่ไม่โดนแสง จะเกิดโรคได้ง่าย  และ ไม่ามารถสังเคราะห์แสงได้  ทำให้มะนาวโตช้า   นอกจากนี้ แสงแดดยังฆ่าเชื้อโรคได้ดีมาก




5 เมื่อมีฝนตกบ่อยต้อง พ่น หัวใจสิงห์ เพื่อป้องกันโรคแคงเกอร์และเชื้อรา  ทุก 7 -14 วัน ต่อครั้ง

หัวใจสิงห์ 1  ซอง ต่อ น้ำ 20 ลิตร +น้ำยาล้างจาน 2 ช้อนชา 



หากทำตามครบทั้ง 5  ข้อ สวนมะนาวของคุณจะปลอดโรคแคงเกอร์อย่างแน่นอน

วันศุกร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2561

วิธีการดูแลผลมะนาว จนขายได้

เราต้องการผลมะนาว คุณภาพ โดยเฉพาะมะนาว เดือน เมษายน และ พฤษภาคม ราคาแพงที่สุด


ผลมะนาวคุณภาพดี มีลักษณะดังนี้
  1. ขนาดใหญ่ จะมีราคาแพงกว่ามาก 
  2. ผิวสวยเขียว
  3. น้ำมาก
  4. กลิ่นหอม
  5. ไม่ช้ำ
  6. ไม่มีสารพิษตกค้าง
  7. เมล็ดน้อย

ดังนั้น  มะนาวต้องได้รับน้ำ ปุ๋ย แบบจัดเต็ม  และ ไม่มีโรครบกวน ทำให้ผิวเสีย

หลักการให้น้ำปุ๋ย คือ ให้มากกว่าปกติ ในช่วง 2 เดือนแรก ประมาณ 20-30%



แล้ว พอมะนาว  อายุครบ 4 เดือน  มะนาวจะแก่พอขายได้    อย่าให้มะนาวเหลือง

เพราะ จะเสียราคา และ จะเก็บมะนาวได้ทั้งหมดหากอายุมะนาวครบ  5 เดือน



แมลงและโรคที่ทำร้ายผิวมะนาวที่พบบ่อย

คือ โรคแคงเกอร์ โรค scab หรือ ขี้กลาก ราน้ำหมาก  ความร้อนจัดจากแสงแดด
เพลี้ยไฟ   และ ไรแดง 





การจัดการดูแลผลมะนาว


1 เมื่อมะนาวติดผลอ่อน ให้ ฉีดพ่น หัวใจสิงห์  ปุ๋ยทางใบโยกหน้า  และ โปรวาโด ทุก 7 วัน สลับ กับ เซพวิน  ปุ๋ยทางใบโยกหน้า   และ กำมะถัน ทุก 7 วัน ในเดือนแรก




2 พอเข้าเดือนที่ 2 ให้ตรวจ pH ดินปรับให้ได้ ราวๆ  6.5  ด้วยปูนขาว หรือ โดโลไมท์  และ ให้ ปุ๋ยทางดินโยกหน้า ต้นละ 200 กรัม  ให้ ฉีดพ่น  คิลเลอร์บี ปุ๋ยโยกหน้าทางใบ  และ โปรวาโด ทุก 7 วัน


สลับ กับ แมนโคแซบ เซพวิน และ   ปุ๋ยโยกหน้าทางใบ



3 พอเข้าเดือนที่ 3 ให้ ปุ๋ยทางดินโยกหน้า ต้นละ 200 กรัม และ ฉีดพ่น หัวใจสิงห์  ปุ๋ยทางใบโยกหน้า  และ โปรวาโด ทุก 7 วัน สลับ กับ เซพวิน  ปุ๋ยทางใบโยกหน้า   และ กำมะถัน ทุก 7 วัน 


4 พอเข้าเดือนที่ 4 ให้ ฉีดพ่น  คิลเลอร์บี ปุ๋ยโยกหน้าทางใบ  และ โปรวาโด ทุก 7 วัน ใน 2 สัปดาห์ แรก  และ ถัดมา ให้ฉีดพ่น   ปุ๋ยโยกหน้าทางใบ  และ บิววาเรีย  ทุก 7 วัน วันไหน อากาศแห้งแล้ง ให้พ่น 


ละอองน้ำช่วงสาย หรือ บ่ายด้วยเพื่อลดไรแดง + เพลี้ยไฟ 



5 เมื่อเข้า เดือนที่ 5 งดยาฆ่าแมลง สารเคมี ทุกชนิด คุมโรคด้วยการพ่น น้ำเปล่า หรือ บิววาเรีย เท่านั้น 


หัวใจสิงห์ = เป็นสมุนไพร ช่วยจัดการโรคราน้ำหมาก แคงเกอร์  ราอื่นๆ  และ บำรุง ใบ ดอก ผลมะนาว

ปุ๋ยทางใบโยกหน้า = ช่วยให้ผลมะนาวขนาดใหญ่ขึ้น 

โปรวาโด = ช่วยป้องกัน เพลี้ยไฟ และ หนอนชอนใบ 

เซพวิน  =  ช่วยป้องกัน เพลี้ยไฟ และ หนอนกินใบ

กำมะถัน = ช่วยกำจัดไรแดง และเชื้อราบางชนิด

คิลเลอร์บี = เป็นแบคทีเรีย ช่วยกำจัดโรคแคงเกอร์ รากเน่าโคนเน่า  และ เพิ่มขนาดผลมะนาว

ปุ๋ยทางดินโยกหน้า = คือปุ๋ยทางดินที่ ตัวหน้าสูง และตัวกลางต่ำ เช่น สูตร 21-7-14 

บิววาเรีย = เป็น เชื้อรา ช่วยกำจัด เพลี้ยไฟ ไรแดง และ แมลงต่างๆ